สาระน่ารู้ ประจำเดือน กับเรื่องราวดีๆ
พร้อมประโยชน์เกี่ยวกับผักและผลไม้
และทางเลือกใหม่ สำหรับสมาชิก
ที่รักสุขภาพ ...

สรรพคุณดีๆ จิงจูฉ่าย

จิงจูฉ่าย Artemisia Lactiflora ‘Guizhou’ (White Mugwort’Guizhou) หรือโกฐ จุฬาลำพา’กุ้ยโจว’ เป็นสมุนไพรตระกูลเดียวกันกับ A.annua L., A.Vesstita และ A.Agryi ซึ่งมีสารสำคัญมากมาย ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่ารักษาโรคมาลาเรียได้ ซึ่งเชื้อโรคนี้คล้ายๆกับ เซลล์ของโรคมะเร็งคือจะมีจำนวนธาตุเหล็กสูงกว่าเซลปกติ 5-1,000เท่า สารสำคัญมีหลายอย่าง สารบางตัวทำงานโดยอิสระ และบางตัวทำ งานร่วมกับตัวอื่นๆ ผลวิจัยของ ดร. ไลล์แสดงถึงสารชิงเฮาซู(qinghaosu)หรือ สารอาร์เทมิซินิน(artemisinin)ผสม ผสานกับธาตุเหล็ก(ที่เซลล์มะเร็งต้อง การ)เจาะจงซึมผ่านผนังของเซลล์เข้าภาย ในเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ประกอบกับ ข้อความและการยืนยันจากผู้ป่วยหลายต่อหลายคนที่รักษาตนเองโดยการ ดื่มน้ำ คั้น(สดๆ)ทุกวันภายในระยะเวลา 2-3เดือน จึงพอสรุปได้ว่า จิงจูฉ่าย รักษาโรค มะเร็งได้จริง (หมายเหตุ: เนื่องจากจิงจูฉ่ายเป็นสมุนไพรที่แพร่หลายในกลุ่มชาวจีนทั่วไปแต่ยังไม่เป็น ที่รู้จักทางการแพทย์ยุคใหม่จึงเป็นการยากที่จะหารายระเอียดการวิจัยจาก แพทย์แผนปัจจุบันแต่ที่หน้าสังเกตุเป็นอย่างยิ่งคือในบรรดาสมุนไพรกลุ่มนี้ ทำไมจิงจูฉ่ายจึงเป็นชนิดเดียวที่บรรพบุรุษชาวจีนที่อพยพเลือกที่จะนำติดมา จากถิ่นฐานเมืองเกิด ทั้งๆที่สมุนไพรในกลุ่มนี้มีมากมายล้วนแล้วแต่เป็นทั้งอาหารและยารักษา โรค ได้เช่นกันอาธิเช่น A.annua L. ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่จนถึงปัจจุบันแต่เราจะไม่เคยเห็นปลูกฅามบ้านตาม สวนของชาวจีนหรือแม้วางขายตามตลาด, เป็นไปได้ ไหมว่าจิงจูฉ่ายเป็นยอดของยอดสมุนไพรที่ทุกบ้านจะขาดไม่ได้?)

ประโยชน์และสรรพคุณของจิงจูฉ่าย
จิงจูฉ่ายนั้นมีประโยชน์มากมายนอกจากช่วยปรับสมดุลและขับลมภายในร่างกาย ได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ที่น่าอัศจรรย์ก็คือสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้โดย การนำใบจิงจูฉ่ายมาประมาณ 1 กำมือ แล้วปั่นหรือตำคั้นน้ำออกมารับประทาน เช้า-เย็น 1 – 2 ครั้งต่อวัน ในช่วงก่อนรับประทานอาหารสัก 1 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็น เวลา 2 – 3 เดือน ก็สามารถต้านทานต่อเซลล์มะเร็งได้ แต่ในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ อยู่นั้นควรหลีกเลี่ยงการรับประทานจิงจูฉ่ายเนื่องจากอาจทำให้แท้งลูกได้ เมื่อเปรียบเทียบผลมะนาวกับผักอย่างจิงจูฉ่ายปรากฏว่าพบปริมาณวิตามินซีในจิงจู
ฉ่ายมากกว่าในมะนาวถึง 58 เท่าเลยทีเดียว และให้สรรพคุณทางยาสูง อีกทั้งมี วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ อาทิ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต กากใยอาหาร เหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซีสูง วิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินบี 6 เป็นต้น รวมทั้งผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาไข้มาลาเรียซึ่งคล้ายๆ กับเซลล์ของมะเร็ง คือจะมีประมาณธาตุเหล็กสูงกว่าเซลล์ปกติประมาณ 5 – 1,000 เท่า ซึ่งการทานใบสดจะได้ผลดีกว่าผ่านกระบวนความร้อน

จิงจูฉ่ายนั้นเป็นพืชผักของจีนชนิดหนึ่ง นิยมนำไปทำเป็นอาหารรับประทานในประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก แต่โดยส่วนใหญ่จะใส่ในต้มเลือดหมูเพื่อช่วย ดับกลิ่นคาว และมีสรรพคุณทางสมุนไพรเป็นที่นิยมของชาวจีนเป็นอย่างมาก เพราะ ชาวจีนเปรียบจิงจูฉ่ายเป็นหยิน (ยาเย็น) มีกลิ่นน้ำมันหอมระเหยในใบและลำต้น เมื่อนำไปต้มร้อนๆ หรือกินแบบสดๆ ในผักนั้นจะมีสารไลโมนีน ซิลนีน และกลัยโคไซด์ ชื่อ อะปิอิน ที่ช่วยปรับสมดุลความดันเลือดในร่างกาย และช่วยขับลมในกระเพาะอาหารได้ดี อีกทั้งลำต้นสดและเมล็ดนั้นมีปริมาณโซเดียมต่ำผู้เป็นโรคไต จึงรับประทานได้ดี

ขอขอบคุณที่มา สุขภาพไทย.com และ เกร็ดความรู้.net

 

 
 


CopyRight 2007.
Thai Fresh Market | support@thaifreshmarket.net
powered by i.oum