เพกาสมุนไพรไทยใช้รักษาน้ำเหลืองเสีย
เพกาช่วยให้สามารถ ดับพิษโลหิต แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ไขข้ออักเสบ ขับเสมหะ บำรุงโลหิต แก้จุกเสียด แก้ละออง ใช้ขับเหงื่อ เจริญอาหาร ขับเลือดเน่าในเรือนไฟ แก้บิด และ แก้พิษซาง
เพกา เป็นผักที่คนไทยทุกภาคกินคล้ายกัน คือใช้ทั้งฝักอ่อน ดอก ยอดอ่อน กินเป็นผัก สามารถปรุงเป็นอาหารได้หลายแมนู พร้อมทั้งมีความเชื่อว่ากินแล้วจะไม่เจ็บป่วย มีเรี่ยวแรงและบำรุงสมรรถภาพทางเพศ มีหมอยาพื้นบ้านเล่าว่า ฝักหนุ่มของเพกานั้นเป็นยาโป๊วที่ไม่เป็นสองรองใคร สามารถใช้ได้ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ซึ่งตามศาสตร์ตะวันออกแล้วอธิบายได้ว่าเพราะเพกามีรสขมร้อน ขณะที่มีรายงานทางเภสัชวิทยา พบว่า เพกามีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล การที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลนั้นก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น จากนั้นอะไรๆ ก็ดีขึ้นเอง ซึ่งสรรพคุณนี้มีความคล้ายคลึงกับกระเทียม
ส่วนฝักเพกาที่แก่จะแตกออกแล้วเมล็ดที่มีปีกบางๆ สีขาวก็จะปลิวลอยล่องไปตามลมสวยงามมาก เมล็ดของเพกามีสรรพคุณตรงข้ามกับฝักอ่อน คือมีรสเย็นเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผสมอยู่ในน้ำจับเลี้ยงของจีน เป็นยาเย็นมีฤทธิ์แก้ไอขับเสมหะ
ในฝักเพกามีวิตามินซีสูงมากถึง ๔๘๔ มิลลิกรัม/๑๐๐ กรัม สูงพอๆ กับมะขามป้อมที่ได้ชื่อว่ามีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหลาย ในขณะที่มะนาวแหล่งวิตามินซีที่คนทั่วไปรู้จักมีเพียง ๒๐ มิลลิกรัม/๑๐๐ กรัม นี่คงเป็นสาเหตุให้ฝักเพกามีชื่อเสียงในด้านการป้องกันโรค ทำให้ไม่เจ็บไม่ป่วยสู้กับหวัดได้ทุกสายพันธุ์
เพกา ผักพื้นบ้านต้านมะเร็ง จากความเชื่อของคนโบราณที่บอกว่ากินฝักเพกาแล้วจะทำให้ไม่เจ็บป่วยนั้น มีรายงานการศึกษาที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งคือ การวิจัยผักพื้นบ้านไทยของคุณเกศินี ตระกูลทิวากร จากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อดูว่าผักพื้นบ้านชนิดใดบ้างที่มีคุณสมบัติในการต้านการก่อมะเร็งจากผักทั้งหมด ๔๘ ชนิด เพกาเป็นผักใน ๔ ชนิดที่มีฤทธิ์ต้านการก่อมะเร็งสูงสุด ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เนื่องจากในฝักเพกามีวิตามินสูงมากตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และยังมีวิตามินเอ ๘,๒๒๑ มิลลิกรัมใน ๑๐๐ กรัม พอๆ กับตำลึงทีเดียว เช่นเดียวกับการศึกษาพืชสมุนไพรในบังคลาเทศ พบว่าในพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ๑๑ ชนิด เพกาแสดงฤทธิ์ต้านมะเร็งทุกชนิดสูงสุด รองลงไปคือมะตูม
นอกจากนี้ยังมีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในการแยกสารฟลาโวนอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งจากเมล็ดของเพกาเช่น chrysin, baicalein เป็นต้น พบว่าสารสกัดจากเปลือกรากมีฤทธิ์ในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้หมอพื้นบ้านจังหวัดปราจีนบุรี คุณตาส่วน สีมะพริก ยังบอกว่าเปลือกต้นหรือเปลือกรากของเพกาต้มกิน (ซึ่งจะต้มเดี่ยวๆ หรือต้มรวมกับแก่นซองแมว ซึ่งเป็นตำรับที่คุณตาต้มรับประทานเป็นประจำ) แก้น้ำเหลืองเสีย รักษาฝีทั้งภายในภายนอก บำรุงร่างกายให้แข็งแรง
เพกามีฤทธิ์ลดการอักเสบ
มีสารฟลาโวนอยด์ที่สกัดได้จากเพกาสามารถลดการอักเสบในหนูถีบจักรที่ถูกเหนี่ยวนำให้เท้าบวมด้วยสาร dextran และจะได้ผลเพิ่มมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับ a-chymotrypsin สารสกัดจากเปลือกต้นเพกามีฤทธิ์ลดการอักเสบ โดยลดการซึมผ่านหลอดเลือด (vascular permeability) ในหนูที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบด้วยโปรตีนอัลบูมินจากไข่ ฟอร์มาลิน และฮีสตามีน แต่ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการซึมผ่านหลอดเลือด (Vascular permeability) ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยซีรัมจากม้า หรือไซลีน (Xylene) นอกจากนี้สารสกัดจากเปลือกมีฤทธิ์ลดการอักเสบในหนูที่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ได้มากกว่าหนูปกติ สาร lapacol ที่สกัดได้จากรากเพกามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ 5-lipoxygenase ที่ทำให้เกิดการอักเสบ โดยความเข้มข้นที่สามารถยับยั้งได้ครึ่งหนึ่ง (IC50) มีค่าเท่ากับ 0.79 มคก./มล. ซึ่งมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับ fisetin ที่สามารถยับยั้งการอักเสบ โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 0.97 มคก./มล. ขณะที่สารสกัดจากเปลือกลำต้นด้วยไดคลอโรมีเทนที่ความเข้มข้น 50 มคก./มล. สามารถยับยั้งเอนไซม์นี้ได้ 100% นอกจากนี้สารสกัดจากเปลือกลำต้นด้วยน้ำยังสามารถลดการหลั่งเอนไซม์ myeloperoxidase ได้ 64% ทำให้การอักเสบลดลง
|